
ติ๊กต่อก…ติ๊กต่อก…
ใบ้ให้อีกนิด มันเป็นอวัยวะที่มีอยู่อันเดียวในร่างกาย…นั่นคือ “จมูก” นั่นเอง
เพราะในจมูกมีเยื่อบุโพรงจมูกที่อ่อนไหวง่าย โดยเฉพาะกับอุณหภูมิภายนอกภายในที่ขึ้น ๆ ลง ๆ รวมไปถึงการสลับร้อน สลับหนาว หรือเดี๋ยวเปียกเดี๋ยวแห้งก็มีผลทั้งสิ้น
ความเปลี่ยนแปลงที่ว่าจะทำให้อุณหภูมิพื้นผิวของเยื่อบุโพรงจมูกลดลงจากปกติที่ 37 องศาเซลเซียส ไปอีก 1-2 องศา อันเป็นความอบอุ่นที่พอเหมาะที่จะทำให้เชื้อต่าง ๆ ทั้งไวรัสและแบคทีเรียที่แฝงกายอยู่ในโพรงจมูก แบ่งตัวเพิ่มขึ้นและไปโจมตีภูมิคุ้มกันของร่างกายจนพ่ายแพ้
ผลก็คือเยื่อบุโพรงจมูกบวม อักเสบ เป็นที่มาของอาการเป็นหวัด คัดจมูก มีน้ำมูกไหล ดีไม่ดีเชื้อดังกล่าวอาจเดินทางผ่าน ลำคอไปก่อม็อบกันที่กล่องเสียง ทำเลเหมาะที่มีอุณหภูมิเย็นกว่าช่วงลำคอ เป็นสาเหตุของอาการหวัดลงคอนั่นเอง
ในช่วงเทศกาลแห่งความสนุกสนาน สาดน้ำสงกรานต์ น.พ.อิทธิชัย วัชรีคุปต์ แพทย์สาขาอายุรกรรมทั่วไป แผนกประกันสังคม โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท มีเทคนิคสู้หวัดมาฝาก
1.ถ้าป่วยอย่าเล่นน้ำ และควรพักผ่อนให้เพียงพอ
2.ไม่เล่นน้ำในช่วงที่อากาศร้อนจัด หรือเย็นเกินไป เพราะการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ทำให้เส้นเลือดขยายและหดตัวอย่างรวดเร็ว อาจทำให้เป็นหวัดหรือปวดศีรษะได้
3.ในช่วงแรก ระวังอกและหลังไม่ให้เปียก เพราะเป็นส่วนที่บอบบางอาจทำให้เป็นไข้ได้ง่าย
4.ระวังไม่ให้บริเวณจมูกเปียก หรือถ้าเปียกให้รีบเช็ดให้แห้ง เป็นการสกัดการเติบโตของไวรัส
5.ถ้าใช้น้ำเย็นจัดอย่างน้ำผสมน้ำแข็งสาด จะทำให้มีโอกาสเป็นหวัดได้มากขึ้น
6.อย่าเล่นน้ำนานหรืออยู่ในผ้าเปียกนานเกินไป ถ้าเป็นเด็ก ไม่ควรเกิน 2 ชั่วโมง ผู้ใหญ่ไม่เกิน 3-4 ชั่วโมง
7.เลือกเสื้อผ้าที่แห้งง่าย ระบายอากาศได้ดีที่เป็นเส้นใยธรรมชาติ เช่น ผ้าฝ้าย ผ้าป่าน ฯลฯ และเลือกเสื้อผ้าสีเข้มที่ช่วยเก็บกักความร้อนได้ดี
8.เมื่อเล่นเสร็จหรือตัวเปียก ควรรีบเช็ดตัว ผม และเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่แห้งและอบอุ่นทันที
9.ถ้ารองเท้าและถุงเท้าเปียกควรเปลี่ยนด้วย
10.เมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ควรนั่งในบริเวณที่อากาศถ่ายเทปกติ ไม่ควรไปนั่งในห้องแอร์ หรือนั่งจ่อพัดลมทันที เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว แล้วดื่มน้ำอุ่น
แค่นี้จมูกของคุณก็ไม่ต้องรับบทหนักแล้ว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น